พักหายใจสูดอากาศดี ๆ เข้าปอด ที่ตลาดน้ำกลางป่า
ในหน้านี้มีอะไรบ้าง?
ช่วงอากาศร้อน ๆ แบบนี้ หลายคนอาจอยากหลบร้อนไปแช่น้ำเย็น ๆ แล้วสถานที่ที่ชวนให้ผ่อนคลายสบายใจที่ว่า นอกจากทะเลแล้ว ก็ต้อง “น้ำตก” นี่แหล่ะที่ตอบโจทย์ที่สุด
แต่จะไปเที่ยวน้ำตกไหนดีล่ะ ? เพราะน้ำตกในเมืองไทยช่างมีเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก น้ำตกแต่ละแห่งก็ล้วนมีเสน่ห์แตกต่างกันไป หากการไปเที่ยวครั้งนี้ คุณหวังไปสัมผัสน้ำเย็น ๆ อากาศดี ๆ และมีตลาดน้ำ มีเรือให้พายเล่น เราขอแนะนำ “อุทยานน้ำตกกวางโจว” อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
และถ้าอยากรู้ว่า ทำไม๊ ทำไมถึงควรไปเยือนอุทยานน้ำตกกวางโจวซักครั้งในชีวิต ตามไปดูความน่าสนใจของที่นี่กันเลย
1. จากพื้นป่าแห้งแล้ง กลับพลิกฟื้นมาเขียวชอุ่ม โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี
อุทยานน้ำตกกวางโจว (น้ำตกกวางโจน) อยู่ระหว่างทางผ่านไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สำหรับอุทยานน้ำตกกวางโจวนั้น แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้ถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ป่าไม้ที่เคยเขียวชอุ่มเปลี่ยนสภาพเป็นผืนป่าที่แห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา ส่วนน้ำที่เคยไหลผ่านน้ำตกกวางโจน กลับแห้งสนิทไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว
ต่อมา ได้มีการพัฒนาพื้นที่โดยบริหารจัดการน้ำ และปลูกป่าตามโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่องป่าและน้ำของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวง รัชกาลที่ 9) ด้วยการจัดทำ
- ฝายแม้ว
- ทำฝายทดน้ำ
- ขุดบ่อกักน้ำชลประทาน
- ทำโครงการแก้มลิง
- โครงการทำป่าให้ชุ่มชื้น
- โครงการปลูกหญ้าแฝก
- โครงการปลูกป่าผสมผสาน ฯลฯ
หลังดำเนินตามโครงการพระราชดำริได้เกือบปี สภาพป่าภายในอุทยานน้ำตกกวางโจวก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นป่าเขียวมากขึ้น ส่วนน้ำตกก็เริ่มมีสายน้ำกลับมา เรียกว่า เพียงผ่านไปไม่นาน สภาพผืนป่าที่เคยแห้งแล้งกลับมาเป็นป่าไม้เขียวชอุ่มที่สวยงามอีกครั้ง สัตวป่าน้อยใหญ่ที่เคยหายไปก็กลับมา ด้วยเหตุนี้เอง อุทยานน้ำตกกวางโจว จึงได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามที่น่าไปเยือนซักครั้ง
สำหรับชื่อของอุทยานและน้ำตกนั้น เดิมชื่อว่า “ห้วยกวางกระโจน” ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ค่อยดึงดูดมากนัก เจ้าหน้าที่จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “น้ำตกกวางโจว” เพื่อให้ชื่อดูแปลกหู และชวนสงสัยจนบรรดานักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตนเอง
2. เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรก และแห่งเดียวในเมืองไทย
“ตลาดน้ำกวางโจว” เป็นตลาดน้ำที่ตั้งอยู่บนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยแล้ว ทั้งยังเป็นตลาดน้ำชุมชนบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกอีกด้วย ที่สำคัญมา “ตลาดน้ำกวางโจว” ถือเป็นไฮไลท์เด็ดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งขาจรและขาประจำให้แวะมาเยือนอุทยานน้ำตกกวางโจวอย่างไม่ขาดสาย
ทั้งนี้ ตลาดน้ำกวางโจว ประกอบไปด้วย น้ำตกชั้นต่าง ๆ ได้แก่ น้ำตกชั้นผางาม ชั้นผาประดู่เลือด ชั้นหินดำ และชั้นดงมณฑา โดยเฉพาะบริเวณชั้นหินดำนั้นถือว่าเป็นชั้นที่มีหินแร่อยู่มาก และหาพบได้ยากในประเทศไทย
เอาจริง ๆ เพียงเห็นทางเข้าที่เป็นซุ้มป่าไม้ไผ่สีเขียวที่เรียงรายเป็นแนวยาว สวยงาม ร่มรื่น มองดูเย็นสบาย และอากาศก็เย็นสบายคล้ายติดแอร์เลย จนได้ฉายาว่า ซุ้มไผ่ติดแอร์ (อุณหภูมิ 25 องศา) ขณะที่สองข้างทางก็มีชาวบ้านในพื้นที่นำของป่า น้ำสมุนไพร และผักผลไม้ต่าง ๆ มาวางขายมากมาย หรือกระทั่งของกินยากที่นี่ก็มี
ไข่ปิ้งหิน ตามแบบฉบับโบราณ ที่อาจหาชิมจากที่ไหนไม่ได้แล้ว แต่ถ้ามาเยือนอุทยานน้ำตกกวางโจวคุณจะได้เจอ
พอเดินผ่านอุโมงซุ้มไผ่ติดแอร์เข้ามา ก็จะเจอบรรดาร้านค้าของชุมชนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยมีฉากหลังเป็นน้ำตก อาทิ ร้านส้มตำ ขนมหม้อแกงกระบอกไม้ไผ่ ผัดไทยม้ง ทอดมันปลากราย หอยทอดหลุมสูตรโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อดินไก่ตุ๋น หมูยอห่อไผ่ ขนมหวาน ซูซิ อาหารทะเลเผา ทะเลย่าง หรือผลไม้ ฯลฯ ก็มีให้เลือกซื้อมานั่งกินระหว่างนั่งตากลมเย็น ๆ ริมน้ำ
รวมไปถึงพ่อค้า แม่ค้าพายเรือเอาผัก ผลไม้ และของที่หาได้เฉพาะท้องถิ่นมาขาย อาทิ ทุเรียนพวงมณี หน่อไม้หวาน ไข่เป็ด เป็นต้น
แม้ตลาดน้ำกวางโจวจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็คงความเป็นธรรมชาติมากกว่าตลาดน้ำแห่งอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษ เช่น ชมตลาดบนน้ำตก พายเรือในตลาดน้ำตก นั่งเรือชมป่า การทำสปาปลา สปาเท้ากลางป่า ที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงคุณหาที่เหมาะ ๆ จากนั้นจุ่มขาทั้งสองข้างลงลำธาร ไม่นานก็จะมีปลามาตอดเซลล์ผิวหนังที่ตายของเท้า
ส่วนคนรักสัตว์จะซื้ออาหารเม็ดมาโปรยให้ปลาตัวน้อยที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำก็ได้ หรือใครที่อยากออกกำลังกายแขนก็สามารถเช่าเรือไปพายเล่นในตลาดน้ำ ผ่านน้ำตกยาว 400 เมตร หรือจะไปเล่นน้ำเย็น ๆ ตรงน้ำตกกวางโจวให้เย็นฉ่ำถึงใจก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย (เรือลำละ 30 บาท)
3. มีเมนูเด็ดที่หาทานที่ไหนไม่ได้
ถ้าถามว่า มาเยือนน้ำตกกวางโจวทั้งที ต้องกินอะไรดี ? มีอาหารเด็ด ๆ ที่ไม่ควรพลาดอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝาก
- ขนมหม้อแกง กระบอกไม้ไผ่
- ผัดไทม้ง (สูตรคนม้ง อายุยืน)
- ส้มตำ กระบอกไม้ไผ่
- น้ำแว่นแก้วปั่น
- ขนมจีนน้ำยาเห็ด
- กาแฟป่า พลังงานน้ำ
- เย็นตาโฟ (ใบแว่นแก้ว)
- ก๋วยเตี๋ยวเรือ (100 ชาม)
- ข้าวห่อกระเหรี่ยง (อาหารท้องถิ่น)
- หอยทอดหลุม ฯลฯ
นี่เป็นเพียงเมนูของคาวและของหวานบางส่วนที่นำมาฝากเท่านั้น ส่วนจะเด็ดถูกปากขนาดไหน ลองตามไปพิศูจน์กันได้
4. ปราศจากภาชนะใส่อาหารที่เป็นโฟม
ถือว่า ตลาดน้ำกวางโจวเป็นตลาดแรก ๆ เลยที่ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มของบรรดาร้านค้าเป็นภาชนะจากวัสดุธรรมชาติทั้งหมด อาทิ จานกระบอกไม้ไผ่ แก้วไม้ไผ่ ใบบัว หรือจานกระดาษแบบย่อยสลายได้ ส่วนราคาอาหารก็ไม่แพงอาหาร สนนราคาอยู่ที่ 35-50 บาทเท่านั้น
5. ค่าบำรุงสถานที่แสนถูก แถมยังถูกปันเป็นทุนการศึกษาเด็ก ๆ
ตลาดน้ำกวางโจว เปิดบริการทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ โดยมีค่าบำรุงสถานที่ ดังนี้
- นักท่องเที่ยวไทย คนละ 25 บาท
- นักท่องเที่ยวต่างชาติ คนละ 25 บาท
- กรณีรถบัส คนละ 10 บาท
*เข้าฟรี ! สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี, ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป, ผู้พิการ และนักบวช
สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของบัตรผ่านประตูทั้งหมดนั้น จะถูกนำมามอบใเป็นทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่มาขายของในตลาดน้ำ สร้างอาชีพแม่บ้านยากจน และพัฒนาชุมชน (ทุกสิ้นปี) เรียกว่า ได้เที่ยวแล้ว ยังได้ทำบุญไปในตัวอีกด้วย
และนี่เป็นเพียงสิ่งน่าสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรานำมาฝากเท่านั้น ในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึงนี้ หากคุณเบื่อเข้าห้าง หรือไม่อยากนอนร้อนอยู่บ้านเฉย ๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่น ถ่ายรูป หาอะไรอร่อย ๆ กินที่ตลาดน้ำกวางโจวกันหน่อยไหม บอกเลย ของของอร่อย ๆ ที่ดีต่อสุขภาพให้ได้ชิม มีของฝากโดน ๆ กลับบ้านอีกด้วย แถมยังมีที่ถ่ายรูป นั่งชิลอยู่เยอะเลยล่ะ ยังไง….อย่าลืมหาโอกาสและเวลาว่าง จัดทริปไปเที่ยวน้ำตกกวางโจวกันนะ
READ MORE :
- ข้อมูลการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 2562
- 10 แหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก
- เที่ยวภูเก็ต ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง
- รวม 7 ที่เที่ยวดับร้อน ปิดเทอมใกล้กรุง 2019