เทรนด์สีผม Lisa BLACKPINK เกิร์ลกรุปที่มาแรงที่สุด

นาทีนี้คงไม่มีอะไรมาแรงไปกว่าไอดอลเกิร์ลกรุปเกาหลีใต้ สังกัดวายจีเอนเตอร์เทนเมนต์ อย่าง BLACKPINK (แบล็กพิงก์) ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 4 คน คือ จีซู, เจนนี่, โรเซ และ​ลิซ่า ล่าสุด! ปล่อยเพลงใหม่ในรอบ 1 ปี 10 เดือน คือ “Pink Venom” ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 Born Pink มีการปล่อย MV เพลงตัวเต็มเพลงแรกในอัลบั้มเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ณ ตอนนี้ ยอดวิวได้ทะยานขึ้นสู่ 100 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นวงไอดอลเกาหลีที่จับตามองอย่างมาก

ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล สมาชิกของแบล็กพิงก์ที่ถูกยกให้เป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องแฟชั่นนำสมัย  โดยเฉพาะเทรนด์สีผมลิซ่า ที่ไม่ว่าจะทำสีไหนแบบไหนกลายเป็นกระแสมาแรงแบบฉุดไม่อยู่จริง ๆ บทความนี้จึงรวบรวมแฟชั่นสีผมลิซ่า มาให้เป็นได้เป็นไอเดียในการทำสีผม ไม่ว่าจะเป็นลุคสาวน่ารัก สดใส หรือแซ่บซาบซ่าเกินใจ ไม่ว่าจะสีผมไหน ๆ รับรองความปังแบบสาวลิซ่าแน่นอน


ไอเดียสีผมสุดฮอตแบบลิซ่าแบล็กพิงก์ สวยปังแบบฉุดไม่อยู่


สีผมน้ำตาลเข้ม

เริ่มต้นด้วยสียอดฮิตของสาว ๆ หลายคน อย่างโทนน้ำตาลเข้ม โดยสาวลิซ่าทำออกมาได้ดูดี ช่วยขับใบหน้าให้ดูโดดเด่นและสว่างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเด็กลงอีกด้วย

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมแดง

ผมสีเเดงสุดเเซ่บของสาวลิซ่า ช่วยเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้มากขึ้น ซึ่งผมสีนี้มีความเข้ากันดีกับสาวเอเชียอยู่แล้ว ช่วยขับให้หน้าดูมีสีสัน ใบหน้าสว่างขึ้น ไม่ซีดเป็นไก่ต้มจนเกินไป

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมบลอนด์ 

เพิ่มมิติให้เส้นผมสวยเด่นด้วยการทำผมสีบลอนด์แบบสาวลิซ่า ทำแล้วดูสวยแซ่บอินเทรนด์มากขึ้น และยังช่วยทำให้ใบหน้าและผิวพรรณดูสว่างมีออร่ามากขึ้น อีกทั้งยังมีหลายโทน อาทิ บลอนด์เข้ม บลอนด์อ่อน หรือเดอร์ตี้บลอนด์แบบสาวฝรั่ง

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมดำ

การย้อมผมสีดำทำให้ผมดูสุขภาพดี ซึ่งสาวลิซ่าทำออกมาได้ดี สวยคม น่าค้นหา การย้อมผมกลับมาเป็นสีดำธรรมชาติจะช่วยทำให้เส้นผมของคุณดูสุขภาพดี เงางาม และมีน้ำหนักมากขึ้น และเป็นสีที่ทำให้เส้นผมของเราไม่ดูแห้งเสียอีกด้วย

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมชมพู

การย้อมสีผมชมพูเปลี่ยนลุคให้เป็นสาวหวานง่าย ๆ แบบลิซ่า ไม่ว่าจะเป็นโทนชมพูพาสเทลอ่อน ๆ จะได้ลุคหน้าสว่างและหวานขึ้น หรือจะแต่งแซ่บ ๆ แบบสาวพังค์ รวมถึงเป็นสาวหวานก็น่ารักกรุบ ๆ

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมน้ำตาลหม่นเทาอมเขียว

สำหรับสีนี้ทำออกมาแล้วสวยละมุน ไม่มีเอาท์ ให้ความรู้สึกเย็น มีความเข้าได้ง่ายกับการแต่งตัว และเมคอัพอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับสาวลิซ่าแบบสุด ๆ ที่สำคัญเข้าได้กับสาวไทยทุกโทนสีผิวเลย

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมดำไฮไลท์สีบลอนด์

สีผมที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลยเมื่อสาวลิซ่าทำออกมา สวยปัง ดูดีสุด ๆ กับสีผมดำไฮไลท์สีบลอนด์ โดยเป็นการไฮไลท์ช่วงผมด้านหลังข้างในเท่านั้น ช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมน้ำตาลคาราเมล

ผมสีน้ำตาลคาราเมล หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า สีน้ำตาลไหม้ มีประกายทองแซมอยู่บาง ๆ ทำแล้วช่วยให้ใบหน้าสว่างสุด ๆ ถือเป็นสีที่ดูสบายตา มีความเป็นธรรมชาติ และยังช่วยเพิ่มความออร่าอีกด้วย

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

สีผมดำปลายม่วง 

หากจะทำสีผมดำทั้งหัวอาจดูเเรียบง่ายเกินไป สาวลิซ่าเลือกไฮไลท์สีม่วงเป็นโทนที่สามารถย้อมให้ดูซอฟท์ได้ด้วยการย้อมเป็นโทนพาสเทลเล็กน้อย ให้อารมณ์เซ็กซี่แบบซอฟต์ ๆ

 

View this post on Instagram

 

A post shared by LISA (@lalalalisa_m)

ทั้งหมดนี้คือเทรนด์สีผมลิซ่าที่เรานำมาแนะนำต้องบอกเลยว่าแต่ละสีผมมาพร้อมความโดดเด่นและสไตล์ที่ต่างกันออกไป ที่สำคัญยังเป็นเฉดสีที่เหมาะกับสีผิวสาวเอเชียอีกด้วย แต่การทำสีผมบ่อย ๆ คุณอาจจะต้องยอมรับสภาพผมที่แห้ง ขาดหลุดร่วง เนื่องจากเป็นการย้อมสีผมที่ใช้สารเคมี เพราะฉะนั้นหลังการย้อมสีผมอย่าลืม! ดูแลเส้นผมของตัวเองเป็นประจำ

อย่างที่ทราบกันดีว่าเส้นผมเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ หากคุณกำลังประสบปัญาหาผมร่วง ผมบาง  หัวเถิก ศีรษะล้าน การตัดสินใจดูแลเส้นผมและปลูกผมตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและคงอยู่ได้ตลอดไป ขอแนะนำปลูกผมไร้รอยแผลเย็บ 5 เทคนิค ที่ The Skin Clinic ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องเส้นผม


ปลูกผมไร้รอยแผลเย็บ 5 เทคนิค ที่ The Skin Clinic


1. เทคนิคปลูกผม FUE (FUE hair Transplant)

เทคนิคปลูกผม FUE (FUE hair Transplant) ไร้รอยแผล ไม่ต้องผ่าตัดหนังศีรษะ เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกตรงส่วนที่มีปัญหาแทน เส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากถึง 90 – 95% เส้นผมมีความเป็นธรรมชาติ คงอยู่ได้ถาวร

2. ปลูกผม FUE ด้วยเครื่องมือพิเศษ DHI Implanter

ปลูกผม FUE ด้วยเครื่องมือพิเศษ DHI Implanter การปลูกผมโดยใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่ชื่อว่า “DHI Implanter” ในการปักและปลูกภายในครั้งเดียว โดยแพทย์สามารถควบคุมความลึก มุม และทิศทางของรากผมได้อย่างแม่นยำ หัวเจาะมีขนาดเล็กเพียง 0.6 – 0.8 mm ทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก หายไว และไม่ต้องพักฟื้น

3. ปลูกผมเทคนิค ALMI Nano Fat Transfer

ปลูกผม ALMI Nano Fat Transfer การใช้ไขมันตัวเองนำมาสกัดให้ได้ไขมันโมเลกุลขนาดเล็ก คัดสรรเฉพาะไขมันที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด นำกลับไปฉีดบริเวณที่มีปัญหา เทคนิคนี้ช่วยการกระตุ้นเส้นผมให้แข็งแรง และยังช่วยกระตุ้นให้ผลิตจำนวนเส้นผมเพิ่มมากขึ้น

4. การปลูกแบบ Long Hair FUE

Long Hair FUE ศัลยกรรมย้ายรากผม เทคนิคแบบ FUE ไร้แผลเย็บ โดยใช้เครื่องมือหัวเจาะจะมีขนาดเล็กเจาะรูแล้วดึงเส้นผมและรากผมออกมาปลูกขณะตอนที่ผมยาวได้เลย จากนั้นทำการคัดแยกกราฟผมที่แข็งแรงที่สุด เพื่อนำมาปลูกผมในขั้นตอนต่อไป เทคนิคนี้ช่วยให้เส้นผมมีความเป็นธรรมชาติสวยงาม

5. การปลูกแบบ RIGENERA Micrograft Hair

ปลูกผม RIGENERA Micrograft Hair การนำเนื้อเยื่อจากบริเวณหนังศีรษะด้านหลัง โดยผ่านกระบวนการสกัดพิเศษ คัดแยกเอาเฉพาะรากผมที่แข็งแรงสมบูรณ์ นำกลับมาฉีดยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งมีความปลอดภัย มาตรฐานนำเข้าจากประเทศอิตาลี ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น

การปลูกผมไร้รอยแผลเย็บ 5 เทคนิค ที่ The Skin Clinic ช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมทุกรูปแบบ หากสนใจการปลูกผมดังกล่าว สามารถสอบถามรายละเอียดจากทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

อ่านเพิ่มเติม 

Previous articleทำนายฝันก่อนวันหวยออก ฝันว่ากระเป๋าเงินหาย โชคจะหายจริงไหม
Next article50 แคปชั่นรับปริญญา จบการศึกษาฮาๆ ไว้ลงรูปแท็กเพื่อนๆ