เงื่อนไขการขอรับเงินสงเคราะห์บุตร จาก สำนักงานประกันสังคม
ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานประกันสังคม ได้ออกมาประกาศเรื่องการเพิ่มเงินสังเคราะห์บุตรจากเดิม 400 บาท เป็น 600 บาท สำหรับพ่อแม่ที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และ 39 เพื่อเป็นการส่งเสริมคนไทยให้มีลูกมากขึ้น และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร
โดยสิทธิประโยชน์ที่ผู้ปกครองจะได้รับนั้นคือได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 600 บาท ต่อบุตรหนึ่งคน ซึ่งบุตรนั้นจะต้องมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ ในจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน
ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงมีผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าประกันสังคมให้สิทธิ์เพิ่มเติมในเรื่องนี้ด้วย วันนี้ Promotions.co.th จะพาทุกคนไปดูรายละเอียดและเงื่อนไขของเรื่องนี้กันค่ะ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
- ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ 39
- มีการจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน หรือภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
- สิทธิประโยชน์นี้สำหรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่มีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน
- บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งได้ยกให้ เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น (สรุปง่าย ๆ เลยก็คือต้องเป็นบุตรทางสายเลือดนั่นเองค่ะ)
- ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ในการได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีที่สงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์
- เว้นแต่ผู้ประกันตนที่เป็นผู้ทุพพลภาพหรือแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
การเบิกสิทธิกรณีสงเคราะห์บุตรต้องทำอย่างไร ?
ในการเบิกสิทธินั้นสำนักงานประกันสังคมจะทำการตรวจสอบ การนำเงินส่งมอบสมทบของผู้ประกันตน หากมีการนำเงินสมทบครบตามระยะเวลาที่กำหนด คือ 12 เดือน ภายใน 36 เดือนก่อนบุตรคลอด จึงจะมีการย้อนหลังให้ไม่เกิน 1 ปี ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ยกเว้น ผู้ประกันตนไม่ได้สมทบเงินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ทางสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินให้ผู้ประกันตน ณ วันที่สิทธิเกิดขึ้นเท่านั้น แต่การรับเงินสงเคราะห์บุตรก็สามารถมีสิทธิ์สิ้นสุดได้ หากเกิดกรณี ดังนี้
- เมื่อบุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
- บุตรเสียชีวิต
- มีการยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น
- ความเป็นผู้ประกันตนได้สิ้นสุดลง
รับเงินได้ผ่านช่องทางใดบ้าง ?
โดยทางประกันสังคม จะโอนเงินสงเคราะห์บุตร 600 บาท เข้าไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้รับประโยชน์ทดแทน โดนมีขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน ดังนี้
- ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพฯ หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยจะต้องมีหลักฐานครบถ้วน ซึ่งในกรณีที่ผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร สำหรับบุตร 3 คนในคราวเดียวกัน สามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้
- จากนั้นเจ้าหน้าที่ประกันสังคมจะทำการตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ
- สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
- พิจารณาสั่งจ่าย โดยจ่ายเป็นรายเดือนโอนเข้าบัญชีธนาคารเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน
และในขณะนี้ทางสำนักงานประกันสังคมยังได้เพิ่มช่องทางการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร ผ่านระบบบริการพร้อมเพย์ กับธนาคารที่ผู้ประกันตนได้เปิดบัญชีเงินฝากเอาไว้
สำหรับสถานที่ยื่นเรื่องนั้น สามารถยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
รายละเอียดเพิ่มเติม : สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
อ่านเพิ่มเติม: