ทำประกันรถยนต์ชั้นไหน สามารถเคลมประกันได้เมื่อยามน้ำมา
เหตุการณ์น้ำท่วม อุทกภัยที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า อีกทั้งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หลายปัจจัยในการเกิดน้ำท่วมแต่ละครั้ง โดยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งเกิดจากธรรมชาติ และเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ก็สามารถทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของน้ำท่วมจากฝนตกหนัก ลักษณะพื้นที่บริเวณ หรือจุดที่เกิดน้ำท่วม ว่าเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ หรือ พื้นที่ต่ำหรือไม่ การเกิดน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งทุกปัจจัยสามารถก่อให้เกิดสาเหตุน้ำท่วมได้
ซึ่งหากในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ มหานคร เราก็จะพบปัญหาน้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ อยู่หลากหลาย ระดับความสูงต่ำของน้ำก็จะแตกต่างกันออกไปอยู่ที่ระบบระบายน้ำ หรือ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา หรือปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในจังหวัดอุบลราชธานีก็เกิดมาจากมวลน้ำ ในปริมาณมากที่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ และตกหนักในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำต่ำจนทำให้ระบายน้ำไม่ทัน อีกทั้งยังเป็นการไหลไปรวมกันของมวลน้ำขนาดใหญ่จากหลายจังหวัดในช่วงฝนตกหนัก เพื่อลงลำน้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี จนทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งสถานีวัดระดับน้ำได้มีการออกมาเปิดเผยว่าระดับน้ำที่สามารถตรวจวัดได้จากบริเวณแม่น้ำมูลนั้นสูงกว่าน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมาในปี 2545 อีกด้วย ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งบ้านเรือนของประชาชน ตัวประชาชนที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานี และสัตว์เลี้ยง ที่ทั้งล้มตายและขาดแคลนอาหาร บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงถึงเกือบ 4 เมตรเลยทีเดียว
หากเกิดน้ำท่วม สามารถรับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ หลังจากน้ำลดลงได้หรือไม่?
เหตุการณ์น้ำท่วม บางครั้งก็เกิดขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งรถยนต์ยังเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงหากได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่? คำตอบคือ จะมีความคุ้มครองในส่วนของน้ำท่วม โดยที่รถยนต์ของคุณต้องทำประกันที่มีความคุ้มครองในส่วนของภัยธรรมชาติ และ น้ำท่วม ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าความคุ้มครองแต่ละชั้นนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในส่วนของความคุ้มครอง และเบี้ยประกันต่างๆ โดยระดับความคุ้มครองที่ครอบคลุมในส่วนของน้ำท่วมคือ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เท่านั้นที่จะมีความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของ น้ำท่วม
แต่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ที่คุ้มครองในส่วนของน้ำท่วมแล้วจะทำอย่างไรก็ได้นะคะ เนื่องจากบริษัทประกันก็จะมีเกณฑ์ในการพิจารณา การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยดังนี้
ความเสียหายบางส่วน
จะเป็นการเช็คสภาพรถยนต์ และความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ว่ามีความเสียหายมากน้อยขนาดไหน และสามารถซ่อมแซมได้หรือไม่ ซึ่งหากมีจุดเสียหายที่ต้องซ่อมแซมไม่มาก ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของค่าซ่อมแซมทั้งหมด ให้รถยนต์ที่ประสบภัยสามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ รวมถึงการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของรถยนต์อีกด้วย เช่น เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย ระบบทำความเย็นเสียหาย เป็นต้น
ความเสียหายโดยสิ้นเชิง
ความเสียหายจากน้ำท่วมที่ทางบริษัทประกันนั้นได้พิจารณาความเสียหายแล้วว่าไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาสู่สภาพเดิมได้ หรือ ไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมรถยนต์คันที่ประสบภัย ให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติที่จะสามารถใช้งานได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริษัทประกันจะทำการประเมินมูลค่าความเสียหายของรถยนต์ที่ประมาณ 70-80% จากระยะการใช้งานของตัวรถ
ซึ่งแต่ละบริษัทประกันก็จะมีรูปแบบและเงื่อนไขของการประเมินที่แตกต่างกันออกไป โดยผู้เอาประกันภัยควรศึกษารายละเอียดความคุ้มครองให้ดี ในส่วนของความคุ้มครองเพิ่มเติมจากน้ำท่วม ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมขังปกติ รวมถึงน้ำท่วมสูง รวมไปถึงเจตนาของผู้เอาประกันภัยในการเคลมประกันอีกด้วย ว่าเมื่อรู้ว่ามีจุดน้ำท่วมแล้วจงใจขับรถเข้าไปยังบริเวณนั้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามการทำประกันรถยนต์นั้นต้องดูความครอบคลุมและเงื่อนความคุ้มครองของประกันภัยอีกด้วยนะคะ
READ MORE :
- ฝนตก น้ำท่วม กทม. จุดรถติด เช็คผ่านแอปฯไหนได้บ้าง?
- รวมแอปพลิเคชั่น เช็คเรดาร์ฝน และ พื้นที่น้ำท่วม 2562
- การดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม มีอะไรบ้าง ?
- ไหว้แม่ย่านางรถ ต้องไหว้ยังไง ใช้อะไรบ้าง?