#ไวรัสโคโรนา ใช้สิทธิประกันสังคมได้ไหมนะ ?
ดูเหมือนว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 (โควิด-19) ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 5 มีนาคม 2563 กระทรวงสาธารณสุข ได้อัปเดตตัวเลขผู้ติดเชื้อ #โคโรนาไวรัส ทั่วโลก ดังนี้
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทั่วโลก
- ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก มีมากถึง 95,481 คน และมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ ทั้งสิ้น 3,285 คน
ประเทศจีน
- มีผู้ติดป่วยด้วยโรคโควิดไนน์ทีน รวม 80,430 คน และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 3,012 คน
ประเทศไทย
- ปัจจุบัน สถานการณ์ไวรัสโคโรนาในไทย พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั้งสิ้น 43 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิต 1 คน
เมื่อดูตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนมองว่า ไวรัสโคโรนากำลังเข้าใกล้ตัวเราเรื่อย ๆ เพราะติดต่อกันง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ และยังไม่มียารักษาเฉพาะ ประกอบกับประเทศไทย ยังไม่มีนโยบายกีดกันการเข้าประเทศของกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทำให้ไทยตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะผู้เดินทางจากประเทศเหล่านี้มีโอกาสที่จะเป็นผู้ติดเชื้อเข้ามาภายในประเทศ
นั่นจึงทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่า หากตัวเองเกิดติดเชื้อจนล้มป่วยขึ้นมา จะสามารถใช้สิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทองรักษาได้ไหม แล้วถ้าเราเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือเพิ่งสัมผัสผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ จะไปขอตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลได้ฟรีหรือไม่ ? วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
เปิดสิทธิประโยชน์ “บัตรทอง” 2563 ครอบคลุมไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ?
สิทธิบัตรทอง คืออะไร ? ใครมีสิทธิ์ได้บ้าง
สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง/30 บาทรักษาทุกโรค) นั้น เป็นสิทธิตามกฎหมายที่รัฐบาลจัดให้คนไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิดและตลอดช่วงชีวิต ซึ่งผู้ใช้บัตรทองจะต้องลงทะเบียนไว้กับสถานพยาบาลที่ตนต้องการเข้ารับการรักษา โดยทั่วไปจะเลือกสถานพยาบาลใกล้บ้าน ทั้งนี้ เมื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองเข้าไปใช้บริการ ณ สถานพยาบาลที่มีสิทธิ ก็จะได้รับการคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขครอบคลุมทุกด้าน โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการ
และถ้าเป็นกรณีที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถใช้สิทธิบัตรทองแบบฉุกเฉินกับสถานพยาบาลนอกเขตพื้นที่ได้เช่นกัน แต่หากเป็นกรณีเจ็บป่วยทั่วไป และใช้สิทธิรักษาข้ามเขต ในกรณีนี้ต้องจ่ายค่าบริการเองทั้งหมด
สำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ต้องเข้าเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า “บัตรทอง” เป็นสิ่งที่รัฐบาลจัดให้คนไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิด เพียงแต่ผู้มีสิทธิใช้หรือลงทะเบียนบัตรทองนั้น ต้องอยู่ในเงื่อนไขนี้เท่านั้น
- มีสัญชาติไทย
- มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- ไม่มีสิทธิประกันสุขภาพอื่น ๆ ที่เบิกจ่ายโดยหน่วยงานรัฐ เช่น สิทธิประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ข้าราชการการเมือง
เมื่อดูเงื่อนไข ก็อาจอธิบายกันง่าย ๆ ว่า “บัตรทอง” เป็นหลักประกันด้านสุขภาพของผู้ที่ไม่มีสิทธิประกันสังคม ไม่มีสิทธิรักษาในฐานะผู้ประกันตนเองนั่นเอง
สิทธิบัตรทอง ครอบคลุมไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ?
เชื่อว่า ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท หลายคนกำลังตั้งคำถามว่า ถ้าตนเองจะติดเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ ? ซึ่งในกรณีต้องบอกว่า ถือเป็นข่าวดี ….
เมื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโรคโควิด-19 ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลตามสิทธิ ไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากอยู่ต่างพื้นที่โรงพยาบาลที่มีสิทธิ
สิทธิบัตรทอง กรณีมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วย COVID-19
▶ โทร. สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์
▶ หากไม่สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ได้ ให้ไปที่โรงพยาบาลของรัฐ
▶ ต้องสวมหน้ากากอนามัย แจ้งประวัติ ไม่ปกปิดข้อมูลใด ๆ
▶ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่า เป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโรค COVID-19 จะถูกส่งตัวรักษาตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สิทธิบัตรทอง กรณีอาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ แต่สงสัยเองว่าจะป่วย
▶ หากต้องการตรวจหาเชื้อเอง โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้ ต้องจ่ายเงินเอง ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจเอง เพราะการไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็นจะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล
ใครบ้าง ? ที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรค COVID-19 ตามสิทธิบัตรทอง
1. ผู้ป่วยที่มีประวัติไข้ หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง (ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก) และมีประวัติในช่วง 14 วัน ก่อนวันเริ่มมีอาการ
▶ มีการเดินทางไปหรือมาจากประเทศ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
▶ เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
▶ มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
3. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และเป็นบุคลากรทางการแพทย์
4. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเฉียบพลันชนิดรุนแรงที่หาสาเหตุไม่ได้
นอกจากนี้ สปสช. ฝากเตือนประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากอาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์การเฝ้าระวังโรค COVID-19 แต่สงสัยว่า ตนเองจะอาจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วประสงค์จะตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เอง โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้ กรณีนี้ “ต้องจ่ายเงินเอง” ทั้งขอย้ำว่า การไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และเพิ่มภาระให้บุคลากรสาธารณสุขโดยไม่จำเป็น
แต่ท้ายที่สุด ประชาชนทุกคนควรติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่างใกล้ชิด รวมถึงปฎิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด คือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการไปในที่แออัดด้วยผู้คน หรือสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก และสำหรับใครที่อยากเสริมความมั่นใจแก่ตนเองและคนในครอบครัว ว่าหากเจ็บป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนา จะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากหากเจ็บป่วยจากไวรัสโคโรนา ก็สามารถเลือกทำ “ประกันไวรัสโคโรนา” ติดไว้ได้เช่นกัน
READ MORE :
- 3M เร่งผลิตหน้ากาก N95 รับมือวิกฤติไวรัสโควิด 19 ระบาดทั่วโลก
- กระดาษทิชชู่ใช้แทนไส้กรองหน้ากากไวรัสโคโรนา หรือ PM2.5 ได้ไหม ?
- จริงหรือ? ใส่หน้ากากอนามัย เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนา Covid-19!
- ไทยพร้อมรับมือไวรัสโคโรนา Covid-19 ระดับ 3 แต่ไม่ต้องกังวล สธ. ยืนยันยังไม่เข้าสู่ระยะที่สาม
- ไข้หวัดธรรมดา VS ไวรัสโคโรนา Covid-19 มีอาการต่างกันอย่างไร ?
- ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ Covid-19 ประกันสังคมรักษาฟรีไหม ?
- แอป CITIZENinfo คืออะไร? ช่วยเรื่องโคโรน่าไวรัส COVID-19 ได้ยังไง?
- รวมอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ Covid-19 + ฝุ่น PM 2.5 ที่ทุกคนควรมี