เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม 2565 ออนไลน์ ด้วยตัวเองอย่างละเอียด ทำอย่างไร?

16 ธันวาคมนี้ เตรียมพร้อมเลือกเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมใหม่

สำหรับพนักงานบริษัท หรือลูกจ้าง ที่ได้รับสิทธิ์ประกันสังคมทั้งประกันตนเอง และนายจ้างเป็นผู้จัดการให้ แต่คุณก็ต้องทราบสิทธิ์ของตัวเองว่ามีประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลใด เมื่อต้องเจ็บป่วย ต้องรักษา จะได้จัดการวางแผนการเดินทางไปยังโรงพยาบาลนั้นได้ถูกต้อง โดยทางประกันสังคมได้มีประกาศให้ผู้ประกันตนเลือกเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมได้ตั้งแต่ วันที่ 16 ธันวาคม ถึง 31 มีนาคม

ดูรายชื่อโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมทั่วประเทศได้ที่นี่


ขั้นตอนการเปลี่ยน “โรงพยาบาลประกันสังคม”
ผ่านช่องทางออนไลน์ “www.sso.go.th”

ในที่นี้เราจะไม่พูดถึงการขอเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมผ่านแอปฯ sso เพราะว่ามือถือของบางท่านอาจจะยังไม่สะดวกโหลดแอป ฯ และมีข้อจำกัดเรื่องหน่วยความจำ ทางผู้เขียนจึงแนะนำให้เข้าเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมผ่าน Browser และกดคลิก URL : www.sso.go.th และเลือก Log In ด้วยเลขบัตรประชาชน กับ อีเมล ซึ่งรหัสผ่านจะส่งเข้าไปยังอีเมล หากจำรหัสผ่านไม่ได้ ก็กด “ลืมรหัสผ่าน” ไปเรื่อย ๆ รอกว่าจะมีอีเมลเข้า

หลังจากนั้นก็เลือกที่ไอคอน “ผู้ประกันตน”

เมื่อคลิกยังข้อมูลผู้ประกันตนแล้ว ให้เลือกข้อมูลในรายการ ตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตน > ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล

  • ข้อมูลการส่งเงินสมทบ
  • ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล
  • ประวัติการเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาล
  • การใช้สิทธิประโยชน์ทดแทน
  • การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ
  • ตรวจสอบข้อมูลใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์

เมื่อเข้าสู่หน้าขอยื่นเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมแล้วก็จะมีชื่อสถานพยาบาลเดิมขึ้นมา หลังจากนั้นก็สามารถเลือกสถานพยาบาลใหม่ได้ หากคุณเปลี่ยนแปลงที่อยู่บ้าน ก็ต้องไปแก้ไขที่อยู่ปัจจุบันในช่องข้อมูลส่วนตัวก่อน หลังจากนั้นก็จะขึ้นชื่อโรงพยาบาลภายในจังหวัดมาให้เลือกอัตโนมัติ แต่หากไม่ได้เปลี่ยนจังหวัด ให้คลิกเลือกให้แสดงรายการทั้งหมด


เทคนิคการเลือกโรงพยาบาลประกันสังคม

เรื่องอาการเจ็บป่วยบอกไม่ได้ว่าจะป่วยที่ใด แต่ละคนก็มีเหตุผลที่จะเลือกโรงพยาบาลประกันสังคมที่แตกต่างกัน ทั้งเลือกที่ชื่อเสียงของโรงพยาบาล หรือ แพทย์เฉพาะทางต่าง ๆ แต่หากคุณยังไม่ทราบว่าจะเลือกโรงพยาบาลประกันสังคมอย่างไร เรามีคำแนะนำดังนี้

1 เลือกโรงพยาบาลประกันสังคมใกล้กับที่พัก หรือ ที่ทำงานให้มากที่สุด

ควรเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้กับออฟฟิศหรือที่พักมากที่สุด คนที่มีที่ทำงานไกลจากบ้านมาก ๆ ก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะบางท่านเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ออฟฟิศเสมอ หรือบางท่านก็มักจะเป็นในตอนเลิกงานอยู่บ้านแล้ว แต่พนักงานส่วนใหญ่ก็เลือกที่พักกับที่ทำงานที่ไม่ไกลกันมาก ก็ควรเลือกตามความเหมาะสมกับการเดินทาง

2 เลือกโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางกับ “โรคประจำตัว” ของผู้ประกันตน

หากคุณทราบอยู่แล้วว่ามีโรคประจำตัว อาทิ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคไต และอื่น ๆ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถเลือกย้ายโรงพยาบาลประกันสังคมไปยังโรงพยาบาลที่คุณต้องเดินทางไปบ่อย ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและจะได้รักษากับแพทย์เฉพาะทาง โดยต้องทำการบ้านสอบถามกับทางโรงพยาบาล ทั้งจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาล แต่ควรเดินทางไปดูคลินิคเฉพาะทาง ณ โรงพยาบาลนั้นก่อนตัดสินใจ เพราะต้องย้ายโรงพยาบาลมาในระยะยาว

3 เลือกโรงพยาบาลที่ไม่หนาแน่ เพราะจะได้ไม่ต้องรอนาน

หากท่านไม่สะดวกที่จะรอคิวนาน ๆ ก็ควรเลือกโรงพยาบาลขนาดเล็กลงมาหน่อย หรือโรงพยาบาลเปิดใหม่ใกล้บ้าน เพื่อรองรับการรักษา ยกตัวอย่างโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้ประกันตนมาใช้สิทธิ์มาก ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลตำรวจ เป็นต้น แต่โรงพยาบาลศูนย์ ของแต่ละภูมิภาคหรือจังหวัด ก็อาจจะไม่มีตัวเลือกสำหรับผู้ประกันตนมากนัก

4 เลือกโรงพยาบาลที่เดินทางสะดวก

โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอาจจะไม่ใช่โรงพยาบาลที่เดินทางสะดวกก็ได้ ก็ต้องดูถนน ดูเส้นทางการจราจร และความพร้อมของการรักษา ซึ่งหากคุณเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องเรียกรถแท็กซี่ให้พาไปส่ง พอแจ้งแล้วทางคนขับจะได้ทราบพิกัดอย่างชัดเจนและขับรถไปส่งคุณได้อย่างตรงเวลา หรือใช้บริการเรียกรถฉุกเฉินให้รถมารับที่บ้านได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ที่ไม่สามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลประกันสังคมได้ทัน ก็สามารถเข้ารักษาตัวได้ทุกโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลรัฐ และทางโรงพยาบาลก็จะรักษาอาการใน 72 ชั่วโมง ฟรี ! หลังจากนั้นจึงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่คุณมีสิทธิ์เข้ารับการรักษาขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิ์เบิกของข้าราชการ, สิทธิ์บัตรทอง และสิทธิ์ประกันสังคม

แม้ว่าบางท่านที่เป็นผู้ประกันตน จะมี “ประกันสุขภาพ” เพิ่มเติมจากการทำเองกับบริษัทประกันภัย หรือ ทำประกันกลุ่มกับบริษัท ก็ต้องวางแผนเรื่องสุขภาพไว้ให้ดี เพราะประกันสุขภาพทุกบริษัทก็มีกำหนดความคุ้มครองถึงช่วงอายุใดช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น พอหมดระยะที่จะทำได้ก็จะต้องกลับมาใช้สิทธิ์พื้นฐาน ดังนั้นการรักษาสุขภาพของตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพประจำปี ก็เป็นส่วนช่วยให้คุณมีร่างกายที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ♥ ดังนั้นอย่าลืมไปใช้สิทธิ์ตรวจสุขภาพกับประกันสังคมทุกปีนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

Previous articleครีมทาแก้มแตกหน้าหนาวสำหรับเด็กยี่ห้อไหนดี ?
Next articleปิดถนน เยาวราช สีลม ข้าวสาร เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่วันที่เท่าไหร่?