ตลาดประกันรถยนต์ในประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามีจำนวนรถยนต์มหาศาล การออกรถก็ออกง่าย บางแห่งมีฟรีดอกเบี้ย ฟรีดาวน์ ฯลฯ ซึ่งก็เป็นจุดกระตุ้นให้กับคนที่อยากมีรถยนต์ส่วนตัวใช้งาน และการออกรถยนต์ป้ายแดงส่วนใหญ่แล้วก็จะมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ติดตัวออกมาด้วย เพราะสามารถลดความเสี่ยงทันทีที่ล้อรถยนต์ป้ายแดงแตะพื้นถนนเลยทีเดียว การทำประกันรถยนต์ออกจากศูนย์รถไม่ว่าจะเป็น Honda, Toyota, Mazda, Nissan, ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่มีประกันรถยนต์จากศูนย์มาทั้งนั้น และบางแห่งมีประกันเป็นแบรนด์ของตัวเองด้วย เช่นประกันรถยนต์ toyota ที่ใช้ระบบ Insurtech เข้ามาช่วยให้เบี้ยประกันรถลดลง แต่คำถามคือ เมื่อขับจากป้ายแดงมา 1 ปี การต่อประกันในปีที่ 2 ปีที่ 3 ขึ้นไป ควรจะทำกับบริษัทไหน? ควรต่อกับที่เดิมมั้ย? และจะรู้ได้ยังไงว่า เบี้ยที่เราได้มานั้นมีราคาถูกที่สุด?
จำเป็นมั้ยที่ต้องต่อประกันปีที่ 2 กับบริษัทเดิม?
ต้องถามกลับไป หากว่าเจ้าของรถซื้อยี่ห้อ Toyota มาแล้ว และอยากเปลี่ยนรถในปีถัดมา และพบว่ามียี่ห้ออื่น รุ่นอื่น ที่น่าสนใจกว่า คุ้มกว่า จำเป็นจะต้องกลับไปซื้อ Toyota มั้ย? คำตอบคือไม่จำเป็นเลย
ปัจจุบันบริษัทประกัน รวมถึง Broker ประกันภัย (ที่เป็น Non-Life Insurance) ไม่ได้มีแค่ 2-3 บริษัท แต่ในไทยนั้น มีผู้เล่นอยู่ในตลาดประกันรถยนต์ ประกันภัยมากถึงเกือบ 100 บริษัท ที่เอาแค่คุ้นชื่อกัน แต่ละบริษัทรู้ตัวดีว่า การแข่งขันในตลาดนี้ ค่อนข้างสูง ดังนั้นเค้าจะลดราคาลงมา เพิ่มผลประโยชน์ให้กับลูกค้า และเค้าก็รู้ดีอยู่ว่า หากเค้าพลาดลูกค้าทำประกันรถยนต์ป้ายแดง ก็ต้องมารองรับลูกค้าต่อประกันปีที่ 2 ขึ้นไปให้ได้
ตอบได้เลยว่า หากจะต่อประกันรถยนต์ในปีที่ 2 ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องต่อกับบริษัทเดิม เพราะเราสามารถเช็คเบี้ยประกันได้จากทุกที่โดยใช้ อำนาจที่มีอยู่ใน Smartphone ของทุกคน ตรวจสอบไปเลยว่าบริษัทไหนให้เท่าไหร่บ้าง?
จำเป็นมั้ยที่ต้องต่อประกันชั้น 1 เลือกชั้น 2 หรือ 2+ ได้มั้ย?
ต้องถามก่อนว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ ชั้น 2 หรือ 2+ ต่างกันตรงไหน? ความแตกต่างของมันก็คือ ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมการชนแบบทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี แต่ประกัน 2+ บริษัทประกันเค้าจะชดเชยให้ต่อเมื่อมีคู่กรณีเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หากขับรถที่มีประกันชั้น 1 ไปชนกับเสาไฟ ประกันก็จ่ายให้ ในขณะที่ หากเป็น 2+ เค้าจะไม่จ่ายค่าเสียหายให้ ก็เลยต้องย้อนกลับมาถามว่า หากต่อประกันชั้น 1 ต่อไปในปีที่ 2 หรือ จะต่อแค่ประกัน 2+ ไป อันไหนสบายใจกว่ากัน
คำตอบคือ ต้องมานั่งดูเรื่องของเบี้ยประกัน และทุนประกันภัยด้วย เพราะมันมีในเรื่องของรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ และการต่อประกันชั้น 1 แบบไม่ต้องสนว่ามีคู่กรณีหรือไม่นั้น ก็น่าจะลดความเสี่ยงได้มากกว่า ซึ่งถ้าเบี้ยไม่ต่างกันมาก ก็ควรกัดฟัน ต่อประกันชั้น 1 ในปีที่ 2 ไปเลย อย่างไรก็ดี รถใหม่ๆ อายุ 1-2 ปี โดยมากแล้ว หากเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูง บริษัทประกันมักจะไม่ค่อยมีเบี้ยประกันชั้น 2 และ 2+ ให้เลือกเท่าใดนัก โดยเฉพาะการต่อประกันปีถัดไป
เช็คเบี้ยคร่าวๆ ต่อประกันชั้น 1, 2+, 2 กับ 5 รถยนต์ยี่ห้อดัง ในปีที่ 2
ราคาเบี้ยประกันป้ายแดง และการต่อประกันปีที่ 2
สำหรับโตโยต้าแคมรี่ ราคาป้ายแดงกับปีที่ 2 เท่ากัน
แบบประกัน | Toyota Camry 2.5 | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 7501 บาท | ไทยวิวัฒน์ |
ประกันชั้น 2+ | 5799 บาท | Generali |
ประกันชั้น 2 | 2880 บาท | ไทยวิวัฒน์ |
ถ้าเป็น Toyota Camry ปี 2018 คือประกันรถยนต์ป้ายแดง เบี้ยจะอยู่ที่ 7,500 บาท ซึ่งเป็นเบี้ยที่ไม่แพงเลย ซึ่งเป็นประกันจากไทยวิวัฒน์ ซึ่งจริงๆแล้ว ไทยวิวัฒน์ เค้าไม่ได้มีแค่ประกันรถยนต์ แต่มีประกันเดินทางด้วย อันดับสองที่ลงมาคือ 2+ เป็นของ Generali Insurance และถูกที่สุดคือ ประกันชั้น 2 จาก ไทยวิวัฒน์ อีกเช่นกัน
สำหรับการต่อเบี้ยประกันของทั้งสองปี คือซื้อมาปีแรกปี 2017 ไปปี 2018 ราคาเบี้ยประกันจะเท่ากับทั้งชั้น 1, 2+ และ 2 ทั้งหมด ดังนั้น อันนี้เลือกง่ายเลย แค่ไปเอาเบี้ยเดิมมาเปรียบเทียบ ว่าปีต่อมาจะต่อที่ไหนราคาเท่าไหร่
แบบประกัน | Toyota Altis 1.8 Navi | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 7,500 | ไทยวิวัฒน์ |
ประกันชั้น 2+ | 5,799 | Generali |
ประกันชั้น 2 | 2,880 | ไทยวิวัฒน์ |
ต่อมาคือ Toyota Corolla Altis 1.8 Navigator ตัวท๊อป เบี้ยประกันปีแรกที่ซื้อจะเท่ากับกับ Camry ป้ายแดงเลยทีเดียว และเบี้ยประกันเมื่อทำการต่ออายุปีที่ 2 จะเท่ากันกับป้ายแดงทุกประการเช่นเดียวกัน
แบบประกัน | Honda Accord 2.4 Top | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 7,500 | ไทยวิวัฒน์ |
ประกันชั้น 2+ | 5,799 | Generali |
ประกันชั้น 2 | 2,880 | ไทยวิวัฒน์ |
ฮอนด้า แอคคอร์ด และ Honda Civic และ Jazz ถือเป็นรถที่คนใช้เยอะมากเช่นเดียวกัน และการต่อเบี้ยประกันปีที่ 2 ของรุ่นนี้ ก็เท่าๆกันกับ Camry และ Altis เลยทีเดียว คือไม่ได้ต่างกันมาก อาจเป็นเพราะว่าทางบริษัทประกันคงประเมินมาแล้วว่า รถใหม่ๆ ค่าบำรุง ความเสี่ยงไม่ต่างกันมากเท่าใดนัก
แบบประกัน | E220 2.0 AMG | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 51,000 | อาคเนย์ประกัน |
ประกันชั้น 2+ | – | – |
ประกันชั้น 2 | – | – |
สำหรับรถเบนซ์นั้น จะมีบริษัทเดียวที่มาประกวดราคาต่อประกันเบนซ์ คือ อาคเนย์ประกัน ที่มีเบี้ยประกันสุดโหด พอๆกับราคารถที่ 55,000 บาท
แบบประกัน | BMW 320D | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 53,300 | วิริยะประกันภัย |
ประกันชั้น 2+ | – | – |
ประกันชั้น 2 | – | – |
มีเจ้าเดียวจาก วิริยะประกันภัย และเป็นชั้น 1 สำหรับรถ บีเอ็ม สุดหรู ในราคาสุดหรูเช่นเดียวกันที่ 5 หมื่นกว่าบาท และเท่าที่สังเกตดู ปีที่ 2 เวลาจะต่อประกัน จะไม่ค่อยเห็นประกันชั้น 2+ หรือ 2 เท่าใดนัก
แบบประกัน | Chevrolet Captiva | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 21,800 | กรุงเทพประกันภัย |
ประกันชั้น 2+ | – | – |
ประกันชั้น 2 | – | – |
สำหรับรถอย่าง Captiva หากจะต่อประกันในปีที่ 2 ก็ยังคงมีประกันชั้น 1 ให้เลือกแค่ Choice เดียว แต่จะมีหลายบริษัทให้เล่นนอกเหนือจาก กรุงเทพประกันภัยด้วยเช่น วิริยะประกันภัย
แบบประกัน | MG 6 | บริษัทอะไร? |
ประกันชั้น 1 | 20,811 | เมืองไทยประกันภัย |
ประกันชั้น 2+ | – | – |
ประกันชั้น 2 | – | – |
สำหรับ MG เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่กำลังเริ่มได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่คนไทย และเบี้ยประกันหากมีการต่อประกันปีที่ 2 จะมีเฉพาะประกันชั้น 1 เช่นเดียวกัน อยู่ที่ 20,811
ข้อดีของการต่อประกันกับบริษัทใหม่ ที่ไม่ใช่ที่เดิม
- เบี้ยถูกลง ถ้าประวัติดี ไม่มีเคลม
- มีตัวเลือกเยอะกว่าเดิม ไม่ยึดติดกับบริษัทเดิม
- สามารถต่อรองกับบริษัทเดิมที่ทำอยู่ เมื่อรู้ราคาแล้ว เอาไปเทียบกับที่ใหม่
- บริษัทประกันแห่งใหม่จะมีโปรโมชั่นเยอะ คุ้มกว่ามาก
READ MORE :
- เคลมสดคืออะไร? สิ่งที่คนทำประกันรถยนต์ต้องรู้
- รู้ไหม เคลมแห้งคืออะไร?
- ขับรถชน ไม่มีใบขับขี่ ประกันชั้น 1 จ่ายไหม?
- 7 ข้อ เพื่อเตรียมพร้อม ก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์