จะขับ UBER ควรรู้สิ่งเหล่านี้ก่อน
ในหน้านี้มีอะไรบ้าง?
กลายเป็นกระแสข่าวไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆที่ทาง UBER เค้าไปเปิดบริการเกี่ยวกับการร้องเรียน การแย่งลูกค้า และการให้บริการที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี หากจะมองถึงการใช้เทคโนโลยีแล้ว UBER และการเรียกรถโดยสาร อูเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น แท๊กซี่ UBER, UBER Bike, UBER Eat, หรือบริการอื่นๆของ UBER เอง (เช่น UBERX) อาจดูเหมือนว่าจะปลอดภัยกว่าการนั่งรถโดยสารที่ไม่มีการเรียกผ่าน application นั่นก็เป็นเพราะว่า การเรียกรถอูเบอร์ผ่าน Application มีข้อมูลของคนขับทั้งหมด หากเปรียบเทียบกันกับ การโบกแท๊กซี่ ที่ไม่รู้ข้อมูลผู้ขับ หรือแม้กระทั่งการโดนปฎิเสธผู้โดยสาร ที่หลายๆคนเคยโดนมาแล้ว เรียกได้ว่าการใช้ UBER เรียกรถนั้น น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าจนกว่าจะมีการปรับปรุงบริการรถโดยสารสาธารณะในประเทศไทย ซึ่งในจุดนี้ ทำให้ผู้ว่างงาน หรือผู้อยากหารายได้พิเศษมาสมัครเป็น UBER partner หรือผู้ขับ UBER กันเยอะขึ้น ซึ่งการสมัคร UBER ต้องบอกว่าก็ไม่ได้ง่าย และไม่ได้ยากเกินไป ต้องมีการเข้าอบรม และการเข้าไปนั่งคุยกับทางบริษัทเค้าเพื่อเริ่มต้นการทำงาน อย่างไรก็ดี แม้ว่ากฎหมายไทยยังคงไม่ผ่าน ให้ UBER เข้าระบบ แต่ก็ยังมีคนอยากสมัคร และมีคนทำงานกับ UBER เป็นผู้ขับอยู่ และก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสการสมัครเป็นคนขับ UBERX ที่ค่อนข้างมาแรงในปีที่ผ่านๆมา และสำหรับคุณ ก่อนที่จะไปสมัครขับรถกับ UBER คุณควรต้องรู้อะไรบ้าง?
1. ทุกคนคิดว่าทำงาน UBER จะจัดตารางการขับรถได้ดี แต่มันยุ่งยากกว่านิดหน่อย
2. คะแนนที่เป็นดาว ใน UBER ค่อนข้างมีผลกับลูกค้ามาก
3. คุณอาจจะไม่ได้เงินค่าโดยสารสูงขนาดที่ UBER โฆษณาหรอกนะ จำไว้เลย
คือสมัยก่อน ตอนที่เราเริ่มทำ รีวิว Uber ใหม่ๆ เราเคยคุยกับคนขับว่า ปกติแล้วจะได้เท่าไหร่ต่อเดือน ผู้ขับ UBER ส่วนใหญ่จะได้ค่าตอบแทนประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ต่อเดือนเลยทีเดียว และนี่คือคำจากปากผู้ขับเอง หากตกเป็น 1 ปี ก็ประมาณ 8 แสนกว่าๆ ซึ่งหลังๆ ทาง UBER ก็ใช้ตัวเลขนี้โฆษณาเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะเรื่องกฎหมาย ทำให้ผู้ใช้ UBER น้อยลง ทำให้รายได้ไม่ถึงเมื่อตอนนั้น และอีกประเด็นหนึ่งก็คือ UBER อาจพยายามแข่งกับ GRAB CAR ทำให้ราคาการเรียกแต่ละครั้งต่ำลง ทำให้ผู้ขับได้รับเงินน้อยตามไปด้วย
4. คนที่ขับ UBER แล้วประสบความสำเร็จ เพราะเค้าคำนวนค่าใช้จ่ายด้วย
5. ไม่ควรเช่ารถจาก UBER มาขับ คุณควรหารถตัวเองมาขับจะดีที่สุด
6. ทำใจ เจอผู้โดยสารไม่ดี ก็ต้องปล่อยไป
7. ลองทำ UBER เป็นงานรองก่อน อย่าพึ่งทำเป็นงานหลัก
การทำอะไรใหม่ๆซักอย่าง อย่าพึ่งโถมหนักไปทีเดียว ควรหารองเท้าคู่ใหม่ที่ใส่สบายก่อนแล้วค่อยทิ้งคู่เก่า หรือเก็บมันไว้คนละข้างเลยก็ได้ เพราะ การขับ UBER มันคืองานบริการ และเรื่องเกี่ยวกับการขนส่ง เราจะได้ยินข่าวอยู่ทุกวัน และนั่นเป็นเพราะความเครียด หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ซึ่งอาจทำให้คุณหลุดออกจากงานขับรถได้ และเมื่อขับๆไปบางทีคุณอาจจะรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ตัวคุณ และนั่นหมายถึงว่าคุณอาจตกอยู่ในที่นั่งลำบากหากรู้สึกอย่างนั้นกลางทางได้