เป็นหนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ควรปิดหนี้ตัวไหนก่อน
อาจจะฟังดูแล้วตกใจ! จะเหมือนกับการเปิดหนี้ มาเพื่อปิดหนี้ แต่กลับบางคนที่มีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องลดค่าใช้จ่ายรายเดือน จากที่เคยส่งค่างวด รวมแล้วเกิน 70% ของเงินรายได้เข้าไปแล้ว ก็อาจจะทำให้ใช้ชีวิตประจำวันลำบากขื้น สาเหตุหลักที่ทุกคนเป็นหนี้กันอยู่ทุกวันนี้ ได้แก่ หนี้บ้าน จากความต้องการด้านปัจจัยสี่ และหนี้รถ เพื่อการเดินทางที่อำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง และ หนี้บัตรเครดิต จากการใช้จ่ายทั่วไปและหาเงินต้นมาปิดได้ไม่ครบ
สินเชื่อบ้าน ถ้าจ่ายได้ไม่ครบ บ้านจะถูกยึดไหม?
ธนาคารจะมายึดบ้านของคุณได้ก็ต่อเมื่อเกิดการฟ้องศาล และศาลสั่งแล้วเท่านั้น ดังนั้นส่วนใหญ่ผู้กู้บ้านจึงรักษาสภาพการส่งค่างวดไว้ให้ต่อเนื่อง ไม่อยากส่งช้า ส่งขาดเวลาไป 3 เดือนก็จะกลายเป็นปัญหา ศาลส่งฟ้องและให้ไกล่เกลี่ย (อ่านเพิ่มเติม : LH Bank เปิดตัว สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยดี๊ดี ฟรีทุกอย่าง ดอก 3.99%)
บางคนต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อเดือน
สำหรับบัตรเครดิต เมื่อจ่ายเงินเพียง 10% ก็ทำให้จ่ายไม่หมดสักที อย่าว่าแต่เงินเดือนเท่าไหร่ แต่หากรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
สินเชื่อที่ตอบโจทย์
1. ยูโอบี ไอแคช
2. สินเชื่อบุคคล ซีไอเอ็มบี
3. บัตรกดเงินสด ส่วนบุคคลออมสิน
ปิดบัตรเครดิตให้หมดให้เหลือใบที่จะใช้
ในกรณีที่มีบัตรเครดิตหลายใบ ก็จะทำให้เกิดภาระรายจ่ายมากกว่าที่คุณจะผ่อนชำระได้หมด ดังนั้นหากตั้งใจจะลดภาระหนี้แล้ว (ไม่ว่าจะได้กู้สินเชื่อมาปิดหรือไม่ก็ตาม) ต้องเริ่มยกเลิกบัตรเครดิตที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือ เกินความจำเป็น ทิ้งซะ เพราะหากมีไว้จะอดใจไม่ไหว นำไปใช้จนรูดวงเงินเต็ม
จ่ายบัตรเครดิตให้มากกว่า 10%
ปกติบัตรเครดิตนี้ให้จะมีให้ผ่อนจ่ายขั้นต่ำได้ 10% (ในขณะที่บัตรกดเงินสดนี้ เราจะจ่ายเพียงแค่ 3 หรือ 5 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งหากคุณผ่อนจ่ายราคานี้ไปตลอด ดอกเบี้ยก็ยังจะสูงอยู่
ทุกวันนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่น่ากลัว เพราะจากที่หลายคนสงสัยว่า “จะไม่ได้รู้ดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือเปล่า?” คือถ้าตัวแทนที่จะเสนอสินเชื่อให้กับคุณไม่สามารถโทรแจ้งคุณได้ชัดเจนว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่ คุณก็ไม่จำเป็นต้องสะดวกใจที่จะทำ (เพราะเหมือนไม่จริงใจกับลูกค้าตั้งแต่แรก) และส่วนใหญ่ธนาคารทุกแห่งนี้ จะแจ้งลักษณะผลิตภัณฑ์และบริการของคุณทุกครั้ง พร้อมกับรายละเอียดอย่าง ระยะเวลาการผ่อนชำระ ฯลฯ
เดี๋ยวนี้ การขอสินเชื่อง่ายนิดเดียว เพียงคลิก และรอติดต่อกลับทางโทรศัพท์ และส่งเอกสารให้กับแมสเซนเจอร์ ไม่เกิน 3 วันก็รู้ผล และหากได้รับอนุมัติวงเงินแล้วต้องการปฏิเสธ ก็ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งในเดือน ก.ค. 60 เป็นต้นไป (อ่านเพิ่มเติม : 15 ก.ค. 60 เป็นต้นไป บัตรเครดิตจะได้วงเงินแค่ 1.5 เท่า) ก็อาจจะทำให้กู้ยากขึ้น ได้วงเงินเพียง 1.5 เท่า ใครสนใจสินเชื่อส่วนบุคคลต้องลองรีบติดต่อดู
เมื่อก่อนใครที่คิดขอสินเชื่อนี้จะรู้สึกอายหน่อยๆ (แม้ความจริงก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เท่าไหร่) และเป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ธนาคารต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับ ใครที่มีความต้องการที่จะขอสินเชื่อ ศึกษาข้อมูลรายละเอียดก่อน และหากเจ้าหน้าที่แจ้งตัวเลขมาผิด ต้องรีบทักท้วงก่อนนะคะ