พร้อมกับ วิธีทำลายบัตรเครดิต เพื่อทำลายแถบแม่เหล็กให้มากที่สุด
เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน หากใครจะขอกู้สินเชื่อบุคคลมา “ปิดบัตรเดรดิต” เพื่อให้คุณมีภาระหนี้น้อยลง แต่มีลูกค้าบางท่านหลังจากชำระหนี้บัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่อยากปิดบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบันนี้ ทางธนาคารได้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า จึงออกเป็นผลิตภัณฑ์ “รีไฟแนนซ์” ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าได้รับเงินกู้ ก็มักจะนำไปชำระสินเชื่อบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว และไม่กลับไปใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงินเหมือนแต่ก่อนอีก
“บัตรเครดิต” กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการชำระสินค้าและบริการ เพราะมี “วงเงิน” ที่เป็นเงินจากเครดิตที่ธนาคารมอบให้กับคุณ นั่นก็หมายความว่ามีมากกว่าเงินที่คุณมีอยู่จริง ณ เวลานั้น ซึ่งประโยชน์ของบัตรเครดิตในรูปแบบการใช้จ่ายนั้นมีอยู่มาก (ทั้งการจ่ายสินค้าหรือบริการที่ต่างประเทศโดยไม่ต้องแลกเงิน หรือ ได้สิทธิพิเศษจากการใช้จ่าย) แต่หากมีหลายใบ ก็ ควรปิด และ ทำลายทิ้ง ไปบ้างเช่นกัน
เทคโนโลยี บัตรเครดิต
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ไว้ใน แถบแม่เหล็ก เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมานาน แต่อาจจะถูกขโมยข้อมูลได้ด้วยการ Skimmimg หลังจากโทรหา Call Center แล้ว ก็ควรจะทำลายบัตร เพื่อป้องกันการ Skimming
วิธีทำลายบัตรเครดิต |
ผล |
เอาแม่เหล็กพลังสูงมาถูกับแถบแม่เหล็ก |
แถบแม่เหล็ก ที่เคยเก็บข้อมูล จะถูกหักเหและบิดเบี้ยวไปจากเดิม แต่หากใช้แม่เหล็กแรงเบาๆ มาถู ก็จะทำลายได้ไม่หมด |
ใช้กรรไกรตัดบัตรเครดิต |
แถบบัตรเครดิต จะถูกทำลายแยกชิ้นส่วน ควรใช้กรรไกรตัดแถบสีดำให้ขาดออกจากกัน |
นำเข้าเครื่องทำลายเอกสาร |
เครื่องทำลายเอกสาร บางรุ่นทำลายได้เพียงกระดาษ A4 บางๆ ไม่กี่แกรม หากใส่บัตรลงไปตัดแล้วอาจจะทำให้เครื่องชำรุดได้ |
เอาเข้าเครื่อง Microwave |
คลื่นไมโครเวฟ จะทำลายบิดข้อมูลภายในแถบแม่เหล็กได้กระจัดกระจาย แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็จะทิ้งกลิ่นไหม้และละอองโลหะหนักที่อาจมีส่วนผสมของตะกั่ว อยู่มาก จึงไม่แนะนำ |
แม้ว่าปัจจุบันนี้ นิยมเก็บข้อมูลบัตรไว้ใน Chip Card แล้ว อนาคต จะมีการจ่ายเงินที่ขึ้นกับระบบ Paywave และ ใช้ QR Code สแกนรับส่งข้อมูลของคุณกับร้านค้าแล้ว อย่าลืมกลับมาติดตามข้อมูลข่าวสารของ “บัตรเครดิต” “สินเชื่อ” และ “เทคโนโลยีการใช้จ่ายเงินผ่านระบบ Wallet” ทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ www.promotions.co.th