จากความเชื่อสู่เทศกาลที่นิยมทั้งโลก
ในหน้านี้มีอะไรบ้าง?
ช่วงปลายปีที่มีเทศกาลต่าง ๆ อัดแน่นจนนับกันแทบไม่ไหวแบบนี้ เทศกาลคริสต์มาสก็ยังคงยืนหนึ่งในฐานะเทศกาลอันอบอุ่นท่ามกลางสายลมหนาว แม้จะไม่ได้นับถือคริสต์ แต่ประเทศไทยก็มีต้นคริสมาสต์ปรับอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาสหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ต้นคริสต์มาที่ไอคอนสยาม และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ รวมถึงมีสถานที่ประดับไฟคริสต์มาสตามแนวรถไฟฟ้าด้วย ยังไม่พูดถึงความยิ่งใหญ่ของเทศกาลคริสต์มาสในต่างประเทศที่คนรอคอยไปเที่ยวทุกปี ก่อนที่จะจองทริปคริสต์มาส มาดูสักหน่อยดีกว่าว่าต้นกำเนิดเทศกาลคริสต์มาสมีที่มาจากอะไร
เทศกาลคริสต์มาสมาจากไหน? และใครเอามันเข้ามา?
วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี แต่ก่อนที่จะมาเป็นวันที่ 25 ธันวาคมนี้ คริสต์มาสเคยถูกจัดในช่วงวันที่ 5 – 7 มกราคมมาก่อน และการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปีก็มีมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่ใช่ฉลองในนามของเทศกาลคริสต์มาส ไอเดียของการจัดเทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นการวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมจนลงตัวที่เทศกาลคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี พูดง่าย ๆ ผ่านไทม์ไลน์การเฉลิมฉลองและการจัดงานคริสต์มาสดังนี้

การเฉลิมฉลองวันเหมามายันของชาวหินใหม่ – เชื่อว่าชาวหินใหม่มีการฉลองปลายปีในวันที่ 21 ธันวาคม ในวันเหมายัน (Midwinter) ซึ่งเป็นวันที่กลางคืนยาวนานที่สุดในช่วงฤดูหนาว
ชาวโรมันกับเทศกาล Saturnalia – การฉลองปลายปีของชาวโรมันตรงกับวันที่ 17 ธันวาคม เพื่อบูชาแก่เทพซูส ราชาแห่งทวยเทพตามความเชื่อ การเฉลิมฉลองยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน และต่อมาเชื่อว่ามีการฉลองในวันที่ 25 ธันวาคมด้วย บางส่วนจึงถือว่าคริสต์มาสเกิดขึ้นที่โรม แต่อาจจะเป็นการฉลองให้กับเทพโรมัน
คริสต์มาสเป็นรูปร่างในยุคกลาง – ในยุคกลางมีการบันทึกวันประสูติของพระเยซู มีการเฉลิมฉลอง 12 วัน 12 คืนตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม (บางแหล่งข่าวบอก 26 ธันวาคม) จนถึงวันที่ 5 (หรือ 6 หรือ 7) มกราคม โดยผู้คนให้ความสำคัญกับวันสุดท้ายมากที่สุด
งานคริสต์มาสสุดรื่นเริงในยุคทิวดอร์ – ราชวงศ์ทิวดอร์ปกครองอังกฤษและมีอิทธิพลมากในยุคนั้น ต้นแบบคริสต์มาสของทิวดอร์จะมีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และเป็นแบบแผนกว่า และยังคงให้ความสำคัญกับวันสุดท้ายของวันคริสต์มาส
ต้นแบบคริสต์มาสปัจจุบันในยุควิคตอเรียน! – สมัยของราชินีวิคตอเรียของอังกฤษได้มีเทศกาลคริสต์มาสที่ส่งอิทธิพลมายังปัจจุบัน ทั้งการตกแต่งต้นคริสต์มาส การให้ของขวัญ การกินไก่งวง จากเดิมที่นิยมกินห่าน และการเฉลิมฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม
การเฉลิมฉลองช่วงปลายปีมีมาตั้งแต่ในอดีต และถูกส่งต่อให้กลายเป็นวันสำคัญ จากการสนับสนุนของราชวงศ์ เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ทำไมคริสต์มาสต้องเป็นวันที่ 25 ธันวาคม
คำตอบง่าย ๆ ก็คือเพราะ 25 ธันวาคมเป็นวันเกิดของพระเยซู แล้วถ้าถามว่า 25 ธันวาคมเป็นวันเกิดของพระเยซูจริงหรือ? คำตอบคือไม่มีใครรู้ เพราะการนับปฏิทินในยุคก่อนค่อนข้างแตกต่างจากปัจจุบัน ยกตัวอย่างปฏิทินของเกเกอรี่จะมีวันในสัปดาห์น้อยกว่าปฏิทินของจูเลียส ซีซาร์ (ปฏิทินเก่า) การบันทึกและการนับวันจึงค่อนข้างสับสน แต่การถือเอาวันที่ 25 ธันวาคมให้เป็นวันเกิดของพระเยซู และนับเป็นวันคริสต์มาสเนื่องจากความคิดในเรื่องของการปฏิสนธิในครรภ์ของพระแม่มารีว่าตรงกับวันที่ 25 มีนาคม เพราะฉะนั้นในอีก 9 เดือนต่อมาจึงตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมนั่นเอง
แล้วซานตาครอสมาจากไหน?

สัญลักษณ์ของคริสต์มาสที่ไม่มีบทบาทเลยในเรื่องของการก่อตั้งวันคริสต์มาส แต่กลับมีบทบาทมากในปัจจุบันอย่างซานตาครอสมาจากไหนกันนะ
ซานตาครอสมีที่มาจาก เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas) เขาเป็นนักบุญชาวตุรกีที่ขึ้นชื่อเรื่องการให้ทาน เซนต์นิโคลัสมีสมบัติมากมายและชอบแจกจ่ายให้กับผู้คน ชื่อเสียงของเขาขจายไปทั่วจนถึงฮอลแลนด์และประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วชื่อนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้อย่างไร? มาจากการเพี้ยนเสียงของชื่อ Sinter Klaas ซึ่งเป็นชื่อลำลองของชื่อ Sint Nikolaas เพี้ยนเสียงจนกลายเป็นชื่อซานตาคลอสในปัจจุบัน
ภาพลักษณ์ของซานตาคลอสได้รับการปรับเปลี่ยนมาหลายรูปแบบ ทั้งชายแก่ผอมแห้งท่าทางใจดี เอลฟ์ขี้โมโหแต่ใจดี จนมาถึงชายแก่ร่างท้วมแก้มสีชมพูเหมือนในปัจจุบัน ซานตาคลอสเสียชีวิตในวันที่ 6 ธันวาคม ทำให้วันดังกล่าวกลายเป็นวันระลึกถึงเขา และต่อมาชื่อของเซนต์นิโคลัสก็ถูกผูกติดไว้กับเทศกาลคริสต์มาส อาจเพราะการระลึกถึงที่อยู่ในเดือนเดียวกันกับวันคริสต์มาส คนจึงรวมตัวตนของเซนต์นิโคลัสเข้ากับวันคริสต์มาสปริยายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการแต่งคอสเพลย์ชุดซานตาคลอสสีแดงสดใสทุกปี
เทศกาลคริสต์มาสมีประวัติมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เทศกาลคริสต์มาสมีความแข็งแรงก็เพราะความเชื่อที่ฝังรากลึก และการออกแบบการฉลองที่มีความสนุกสนาน ถ่ายทอดออกมาได้อย่างอบอุ่น เข้ากับธีมหน้าหนาวเป็นอย่างดี เป็นอีกเทศกาลที่คนทั้งโลกรอคอย ใครที่อยากสัมผัสคริสต์มาสที่มีกลิ่นอายความเชื่อและความรื่นเริงในตัว ลองแวะไปเที่ยวคริสต์มาสต่างประเทศสักครั้ง แล้วจะปฏิเสธไม่ได้ว่าคริสต์มาสคือที่สุดของเทศกาลหน้าหนาว
ที่มา Parade, กรมประชาสัมพันธ์
อ่านเพิ่มเติม:
- ดอกคริสต์มาส ความหมาย สีแดงสดใส ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข
- ชุดนอนคริสต์มาส ผ้านิ่มใส่สบาย นอนหลับฝันดีตลอดคืน
- เครื่องดื่มคริสต์มาส สีสันสวยงาม เมนูโดนใจสายปาร์ตี้
- พวงหรีดคริสต์มาส ตกแต่งบ้าน สำคัญอย่างไร มีแบบไหนบ้าง
- กิจกรรมวันคริสต์มาสโรงเรียน สร้างสรรค์ เล่นได้ไม่มีเบื่อ