ุ6 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจขายทองเพื่อเก็งกำไร กับร้านทอง

อยากขายทองทำกำไรต้องรู้

ทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งถือเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมที่ใครต่างอยากมีไว้ในครอบครอง นอกจากใส่เป็นเครื่องประดับก็ยังเก็บไว้แลกเปลี่ยนเป็นเงินยามฉุกเฉินได้ ฉะนั้นไม่แปลกที่บางคนเลือกเก็บออมเงินเพื่อซื้อทองเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรในอนาคต เพราะยิ่งราคาผ่านไปนาน ราคาทองก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เห็นได้จากราคาทองคำเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีแนวโน้มราคาทองรูปพรรณแตะบาทละ 33,000 บาทอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เห็นภาพผู้คนจำนวนไม่น้อยนำทองรูปพรรณของตนไปเปลี่ยนเป็นเงินที่ร้านทอง เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน

แต่รู้ไหมว่า การนำทองไปขายที่ร้านทองนั้น อาจทำให้คุณขายทองได้ไม่เต็มราคานัก เนื่องจากร้านทองมีเกณฑ์ในการรับซื้อทองอยู่ แล้วทองแบบไหนที่ร้านทองรับซื้อเต็มราคา ถ้าอยากรู้ตามมาดูคำตอบที่ Promotions.co.th รวบรวมมาฝากเลย


6 เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจขายทอง เสริมสภาพคล่อง


1. รู้จักประเภทของทองคำ

เชื่อว่าหลายคนพอรู้อยู่แล้วว่า ทองคำมีอยู่ 2 แบบ คือ ทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ ซึ่งทองคำทั้ง 2 ประเภท มีความแตกต่างกันดังนี้

  • ทองรูปพรรณ : เป็นทองที่นำมาเป็นเครื่องประดับสำหรับสวมใส่ เช่น สร้อยคอ กำไล เหมาะกับการซื้อมาสวมใส่เพื่อความสวยงามหรือแสดงฐานะ และใช้ออมเงิน แต่ไม่เหมาะกับการลงทุน
  • ทองคำแท่ง : ทองในรูปแบบบล็อกสี่เหลี่ยม มีทั้งแบบมีลวดลายสวยงามและไม่มีลวดลาย หรืออาจมีแค่โลโก้ร้านทองอย่างเดียว

นอกจากนี้ทองคำทั้งสองแบบมีทั้ง 96.5% และ 99.99% แต่โดยส่วนมากที่จำหน่ายกัน และมาตรฐานทองคำประเทศไทยจะกำหนดความบริสุทธิขั้นต่ำไว้ที่ทองคำ 96.5%

2. ราคาขายและรับซื้อทองคำ

นอกจากทองคำแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ทองคำแท่ง และทองรูปพรรณแล้ว ราคาทองถูกแบบเป็น 2 แบบเช่นเดียวกัน นั่นคือ ราคาขาย และราคาซื้อ

  • ราคาขาย คือราคาที่ร้านทองขายทองให้ลูกค้า
  • ราคาซื้อ เป็นราคาที่ร้านทองรับซื้อทองจากลูกค้า

เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า ทองแต่ละประเภทจะมีราคาขายและราคารับซื้อไม่เท่ากัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทองรูปพรรณขายคืนง่าย แต่น้ำหนักทองที่หาย ทำให้ได้ราคาน้อย
ทองรูปพรรณขายคืนง่าย แต่น้ำหนักทองที่หาย ทำให้ได้ราคาน้อย
ราคาขาย
  • ทองรูปพรรณ จะมีการบวกค่ากำเหน็จ ซึ่งเป็นค่าทำลวดลายบนทอง โดยทองรูปพรรณ 1 บาท จะบวกค่ากำเหน็จประมาณ 500-1,000 บาท แต่ทั้งนี้ค่ากำเหน็จจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำลวดลายนั่นเอง
  • ทองคำแท่ง ที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาท ราคาขายจะมีค่าบล็อกหรือค่าทำลวดลายบนทองคำแท่งด้วย เนื่องจากนิยมซื้อเป็นของขวัญ โดยค่าบล็อกทองคำแท่ง 1 บาท มีตั้งแต่ 150 บาท ไปจนถึง 300 บาท
ราคารับซื้อ
  • ทองรูปพรรณ จะบวกค่ากำเหน็จซึ่งเป็นค่าทำลวดลายบนทองเช่นเดียวกัน โดยทองรูปพรรณ 1 บาท จะบวกค่ากำเหน็จประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำลวดลาย
  • ทองคำแท่ง ที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาท ราคาขายจะมีค่าบล็อกหรือค่าทำลวดลายบนทองคำแท่งด้วย สำหรับค่าบล็อกทองคำแท่ง 1 บาท จะมีค่าบล็อกตั้งแต่ 150 บาท จนถึง 300 บาท

3. ทองคำที่มีน้ำหนักครบ

แน่นอนว่าก่อนซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ทางร้านต้องทำการชั่งน้ำหนักทองให้ผู้ซื้ออย่างเราดูก่อนทุกครั้ง เพื่อยืนยันว่าทองคำมีน้ำหนักตามที่แจ้งไว้จริง แต่รู้ไหมว่า ตอนนำทองคำไปขายคืนนั้น น้ำหนักทองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน อย่างซื้อทองรูปพรรณ 1 บาท มีน้ำหนัก 15.16 หนัก เมื่อรวมกับน้ำหนักอื่น ๆ ปรากฎว่ามีน้ำหนัก 17.21 กรัม หากตอนน้ำทองรูปพรรณมาขายคืน น้ำหนักเหลือเพียง 16.09 กรัม ราคาขายที่ได้ย่อมลดลงไปด้วย

4. โลโก้หรือตราสัญลักษณ์

ทองคำแท่ง เป็นประเภทของทองที่เห็นโลโก้ได้ชัดเจน
ทองคำแท่ง เป็นประเภทของทองที่เห็นโลโก้ได้ชัดเจน

สำหรับโลโก้หรือตราสัญลักษณ์เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงแหล่งผลิตของทองคำแท่งและทองรูปพรรณ นอกจากนี้ทองที่มีผลให้ขายทองได้มากกว่าทองที่ไม่มีโลโก้เพราะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า โดยทองคำแท่งสามารถเห็นโลโก้ได้ง่ายกว่าทองรูปพรรณที่ต้องใช้แว่นขยายเพื่อตรวจสอบเพราะเนื้อทองน้อยกว่านั่นเอง

5. ใบรับประกัน

เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทำให้เวลาขายทองคำทางร้านทองจะออกใบรับประกันสินค้าให้แก่ผู้ซื้อด้วย เพื่อเป็นการการันตีว่าทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณดังกล่าวซื้อมาจากร้านตนและมีน้ำหนักกี่กรัม ฉะนั้นก่อนนำทองคำไปเปลี่ยนเป็นเงินสด ควรนำใบรับประกันไปด้วย หากไม่มีอาจถูกตัดราคาได้

6. การขึ้นลงของราคาทอง

มีอยู่หลายครั้งที่ราคาทองปรับขึ้นลงในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างสงครามรัสเซีย ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ราคาทองคำ เห็นได้จากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น หลังเกิดการปะทะกันระหว่างรัสเซียและยูเครน ดังนั้นก่อนนำทองไปขายเก็งกำไร ควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วย

สำหรับราคาทองคำประจำวันนั้น สามารถติดตามได้ที่ “สมาคมค้าทองคำ” แต่ทั้งนี้ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วัน และมากกว่า 1 รอบ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจนำทองคำในมือไปเปลี่ยนเป็นเงินควรเช็คราคาทองประจำวันทุกครั้ง เพื่อหาจังหวะซื้อขายให้มีส่วนต่างราคาให้ตรงความต้องการของคุณมากที่สุด


READ MORE :
Previous articleยุคโควิดนี้ควรรู้ ชุดตรวจ ATK Baicare ตรวจโอไมครอนได้ไหม
Next articleข้อมูล สิทธิ UCEP Plus สรุปเงื่อนไขการใช้สิทธิ เริ่มวันไหน