มีคนจำนวนไม่น้อยที่จ้องจะซื้อ iPhone รุ่นใหม่ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ Apple มีการเปิดตัวมือถือใหม่ออกมา ด้วยเหตุผลเช่น ของเก่าเริ่มช้าแล้ว อัพเดท iOS แล้วเครื่องอืด แต่ตอนก่อนซื้อไม่เคยนึกถึงระยะเวลาการใช้งานหรือ Battery Life กันเท่าไหร่นัก และนี่คือจุดด้อยที่สุดของ iPhone SE 2020 ที่หลายคนอาจต้องเบือนหน้าหนี
แม้ว่า iPhone SE 2020 จะถูกใส่ Chip A13 เข้าไปเพื่อเพิ่มความแรงให้กับเครื่องให้เทียบเท่า iPhone 11 แล้วก็ตาม แต่จุดด้อยของมันก็คือ Battery Capacity หรือความจุของแบตที่อาจทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งวันสำหรับคนที่ใช้งานหนักๆ เพราะมันมีความจุแค่เพียง 1,821mAh เท่านั้น ซึ่งตามหลังคู่แข่งค่อนข้างมาก โดยตารางเปรียบเทียบตามนี้
แบตอยู่ได้นานขนาดไหน? | ความจุแบต | |
iPhone SE 2020 | 9:18 ชั่วโมง | 1,821 mAh |
Samsung Galaxy S20 | 9:31`ชั่วโมง | 4,000 mAh |
iPhone 11 Pro | 10:24 ชั่วโมง | 3,046 mAh |
Galaxy S20 Plus | 10:31 ชั่วโมง | 4,500 mAh |
iPhone 11 | 11:16 ชั่วโมง | 3,110 mAh |
iPhone 11 Pro Max | 11:54 ชั่วโมง | 3,969 mAh |
Google Pixel 3a | 11:59 ชั่วโมง | 3,000 mAh |
Galaxy S20 Plus | 12:03 ชั่วโมง | 5,000 mAh |
Moto G Power | 16:10 ชั่วโมง | 5,000 mAh |
จากตารางเปรียบเทียบความอึดของแบตจะเห็นได้ว่า iPhone SE 2020 มารั้งท้ายที่สุด โดยการใช้ 4G และ 5G โดยการเปิดเครื่องทิ้งไว้ จนแบตหมด และ มือถือจะมีการโหลดหน้าเว็บข่าวทุกๆ 30 นาที แน่นอนว่าไม่ใช่วิธีการใช้ในชีวิตจริง แต่เพื่อให้เห็นภาพมากที่สุด
ผลปรากฎว่า iPhone SE 2020 ทำได้น้อยกว่า iPhone 11 ถึง 2 ชั่วโมง และสำหรับมือถือที่อยู่ได้นานที่สุด ก็จะมีขนาดของแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดที่ 5,000 mAh นั่นก็คือ Moto G Power โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 16 ชั่วโมง 10 นาที
ดังนั้น iPhone SE 2020 อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องทำงานแบบไม่อยากพก Power Bank ไปด้วย เพราะการทดสอบนี้ โดย Tomsguide.com เป็นการทดสอบ iPhone SE รุ่นใหม่ ที่เป็นตัวใหม่ และเมื่อแบตเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว น่าจะได้น้อยกว่านี้เยอะ แต่อย่างไรก็ดี ค่ายมือถือ และ บริษัทที่ขายมือถือ ก็มีการโหมกระหน่ำโปรโมชั่นกับ iPhone SE 2020 เช่นการผ่อน 0% มากไปกว่านั้น ยังมีสีแดงแสบสะใจมาให้เลือก ซึ่งอาจทำให้หลายคนเปลี่ยนใจได้ง่ายอีกด้วย